ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร ตัวช่วยประหยัดไฟที่โรงงานไม่ควรมองข้าม!


ระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร ตัวช่วยประหยัดไฟที่โรงงานไม่ควรมองข้าม!

ไฟฟ้า ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการดำรงชีวิต เนื่องจากไฟฟ้าสามารถเป็นพลังงานใช้จ่ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้า และช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นพัดลม แอร์ โทรทัศน์ ตู้เย็น หรือเครื่องมือรักษาความปลอดภัยต่างๆ ก็ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานสำคัญ แต่ระบบไฟฟ้าก็มีความแตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นไฟฟ้า 1 เฟส และไฟฟ้า 3 เฟส ซึ่งไฟฟ้า 3 เฟส เป็นระบบไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ บทความนี้ จึงอยากชวนมารู้จักระบบไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร แตกต่างจากระบบไฟฟ้า 1 เฟสอย่างไร มีการทำงานอย่างไร ทำไมระบบไฟฟ้านี้ถึงดีกับโรงงาน

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คืออะไร?

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คืออะไร?

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย ที่ประกอบไปด้วย สายไฟทั้งหมด 4 เส้น ได้แก่ สายไลน์ เป็นสายไฟหลักที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา จำนวน 3 เส้น และสายนิวทรอล (Neutral Line) เป็นสายไฟที่เดินไว้เฉยๆ และไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จำนวน 1 เส้น โดยระบบไฟฟ้า 3 เฟสจะมีแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์กับสายไลน์อยู่ที่ 380-400 โวลต์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์กับสายนิวทรอลอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และมีความถี่อยู่ที่ 50 เฮิรตซ์ (Hz)


ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สายจะนิยมใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีระบบการทำความเย็น หรือโรงงานที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าแรงดันสูง และต้องใช้แสงสว่างเป็นจำนวนมาก รวมถึงอาคารพาณิชย์ ออฟฟิศ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ก็สามารถใช้งานภายในบ้านได้ เพียงแค่ต้องไม่ใช้ไฟฟ้า 3 เฟส กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านโดยตรง แต่ต้องมีการแบ่งระบบ ไฟ 3 เฟส ออกเป็น ไฟ 1 เฟส จำนวน 3 ชุด เพื่อกระจายไฟฟ้าไปตามจุดต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างสมดุล และเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าไฟให้ลดลงได้อีกด้วย

ความแตกต่างของระบบไฟฟ้า 1 เฟส กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส

ความแตกต่างของระบบไฟฟ้า 1 เฟส กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส

ระบบไฟฟ้า 1 เฟส คือ ระบบไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในบ้านพักอาศัยทั่วไป บ้านจัดสรรขนาดเล็ก หรืออาคารขนาดเล็กที่ใช้ไฟไม่มาก โดยระบบไฟฟ้า 1 เฟส ประกอบไปด้วย สายทั้งหมด 2 สาย คือ สายเฟส/สายไลน์ L (Line) จำนวน 1 เส้น โดยสามารถทดสอบว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ด้วยการใช้ปลายไขควงแตะ หากแตะแล้วไขควงมีการเรืองแสง แสดงว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน และสายนิวทรอล N (Neutral) จำนวน 1 เส้น ติดตั้งไว้ร่วมกัน แต่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน สำหรับไฟฟ้า 1 เฟสมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220-230 โวลต์ มีความถี่ 50 เฮิรตซ์ (Hz) ทำให้มีปริมาณการจ่ายไฟฟ้าที่เหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อีกทั้งยังมีการติดตั้งที่สะดวก มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน้อย แต่ในระยะยาวอาจมีค่าไฟฟ้าสูงตามมาได้


ไฟฟ้า 1 เฟส แตกต่างจากระบบไฟ 3 เฟส คือ ไฟ 3 เฟสจะมีสายไฟทั้งหมด 4 เส้น มีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 380-400 โวลต์ และแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และมีความถี่ 50 เฮิรตซ์ (Hz) ทำให้ไฟ 3 เฟส เหมาะกับการใช้งานภายในโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากต้องมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก และต้องมีกำลังไฟฟ้าให้เพียงพอกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ รวมถึงการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าเพื่อใช้งานภายในโรงงาน และอาคารต่างๆ แต่ขั้นตอนขอการติดตั้งไฟ 3 เฟส อาจมีความยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการติดตั้ง แต่ในระยะยาวการใช้ไฟ 3 เฟสจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าไฟฟ้าเฟสเดียวได้พอสมควร

การทำงานของระบบไฟฟ้า 3 เฟส

การทำงานของระบบไฟฟ้า 3 เฟส

การทำงานของระบบไฟฟ้า 3 เฟส เกิดจากการหมุนของสนามแม่เหล็กเป็นวงกลมผ่านกระแสวงจรไฟฟ้า 3 วงจร และผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบไฟฟ้า กล่าวคือภายในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะมีวงจรไฟฟ้าที่พันด้วยขดลวดทองแดงทั้งหมด 3 วงจร โดยระยะห่างของวงจรทั้ง 3 เส้น อยู่ที่ 120 องศา และในรอบวงกลมของวงจรไฟฟ้าแต่ละเส้นจะมีระยะห่างที่เท่ากัน และมีสนามแม่เหล็กอยู่ตรงกลาง ส่วนทิศทางการหมุนของสนามแม่เหล็ก จะหมุนวนตามเข็มนาฬิกา เมื่อขั้วเหนือของแม่เหล็กหมุนเข้าไปใกล้เส้นใดเส้นหนึ่งจากทั้ง 3 เส้น ก็จะเกิดการผลิตไฟฟ้ากระแสสลับขึ้นมาทันที และทำการจ่ายกระแสไฟฟ้า 3 เฟส ออกไปตามลำดับ

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เหมาะกับการใช้งานไฟฟ้าแบบไหน

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เหมาะกับการใช้งานไฟฟ้าแบบไหน

ระบบไฟ 3 เฟส เป็นระบบไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ระบบคลังสินค้าที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ บ้านขนาดใหญ่ ออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานอื่นๆ ที่ต้องใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง หรือสถานที่ที่ต้องใช้แสงสว่างเป็นจำนวนมาก โดยพื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพื้นที่ที่ต้องใช้กำลังไฟในปริมาณมาณมาก ทำให้ไฟฟ้า แบบ 3 เฟส เหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า เพราะไฟฟ้า 3 เฟสประกอบไปด้วยสายไฟ 4 เส้น ทั้งสายเฟสหรือสายไลน์ L (Line) จำนวน 3 เส้น เเละสายนิวทรอล N (Neutral) จำนวน 1 เส้น ที่ให้แรงดันไฟฟ้า 220-230 โวลต์ และ 380-400 โวลต์ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการแรงดันไฟฟ้าสูง โดยเมื่อนำสายไฟทั้งหมดมาต่อเข้ากับตู้เมนไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็จะให้แรงดันไฟฟ้าที่มากเพียงพอต่อการใช้งาน

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ดีกับโรงงานยังไง

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ดีกับโรงงานยังไง

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เหมาะกับการใช้งานในโรงงาน หรืองานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าตลอดเวลาในปริมาณมาก โดยมีประโยชน์กับโรงงานหลายประการ ดังนี้

1. ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าระบบไฟฟ้า 1 เฟส ถึง 3 เท่า จึงเหมาะกับการติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บริเวณที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหลายๆ จุดเป็นจำนวนมาก เพราะในการติดตั้งระบบไฟฟ้า 3 เฟสมีการกระจายไฟฟ้าอย่างละ 1 เฟส ไปแต่ละจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นวิธีการกระจายเฟสไฟฟ้า ป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าถูกใช้งานมากเกินไป ส่งผลให้การใช้งานแต่ละเฟสน้อยลง การใช้งานไฟฟ้ามีค่าความเฉลี่ยที่สมดุล จึงช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่าการใช้งานระบบไฟฟ้า 1 เฟส

2. ช่วยให้ใช้ไฟฟ้าน้อยลง

การใช้ไฟฟ้าระบบ 1 เฟสในโรงงานอุตสาหกรรมอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้การทำงานล่าช้า และอาจมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ที่เป็นการกระจายระบบไฟฟ้าออกเป็น 3 เฟส ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง แต่เครื่องจักรที่ใช้ในการทำงาน หรือการผลิตยังสามารถทำงานได้ดี และมีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น

3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร

ภายในโรงงานอุตสาหกรรม มักมีเครื่องจักรขนาดใหญ่ไว้คอยผลิต มีระบบทำความเย็น หรือระบบแสงสว่างที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เท่ากับว่าต้องมีการใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล และต้องมีกำลังไฟที่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งหากติดตั้งระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็จะช่วยในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความสมดุลมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของของเครื่องจักรต่างๆ ให้ทำงานได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด

4. ช่วยป้องกันปัญหาไฟตก ไฟดับ

การเกิดปัญหาไฟตก ไฟดับ หรือการจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ มักเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟสมากกว่า ระบบไฟ 3 เฟส เนื่องจากไฟฟ้า 1 เฟส มีแรงดันไฟฟ้าน้อย และมีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่เพียง 1 เส้น ต่างจากระบบไฟ 3 เฟส ที่มีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าถึง 3 เส้น มีแรงดันไฟฟ้าที่สูง ช่วยให้จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่อุปกรณ์ได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่า และหากใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าควบคู่กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็ยิ่งส่งผลดีต่อระบบไฟฟ้าเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดปัญหาไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าตก หรือแม้แต่การนำไปใช้ในพื้นที่ต่างจังหวัด หรือบริเวณที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เครื่องกำเนิดไฟ หรือเครื่องปั่นไฟ ก็จะทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าให้มีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ

5. ช่วยให้มีไฟฟ้าใช้มากขึ้น

การติดตั้งไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ภายในโรงงาน หรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ ระบบไฟ 3 เฟสสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น เพราะมีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ตลอดเวลาด้วยกันถึง 3 เส้น โดยมีแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 220 - 400 โวลต์ ไฟฟ้าแบบ 3 เฟสจึงมีกระแสไฟฟ้าที่กระจายไปตามที่ต่างๆ อย่างสมดุล ทำให้สามารถใช้งานกระแสไฟฟ้าได้ครอบคลุมมากขึ้น

สรุป

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือ ระบบไฟฟ้าที่มี 3 เฟส และ 4 สาย ประกอบด้วย สายไลน์ L (Line) ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลตลอดเวลาทั้งหมด 3 เส้น และสายนิวทรอล (Neutral line) ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจำนวน 1 เส้น ซึ่งไฟฟ้าระบบ 3 เฟส  ในขณะที่ไฟฟ้าระบบ 1 เฟส ประกอบไปด้วยสายทั้งหมด 2 เส้น คือ สายไลน์ L (Line) จำนวน 1 เส้น และสายนิวทรอล N (Neutral) จำนวน 1 เส้น และมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220-230 โวลต์ จึงเหมาะกับการใช้งานสำหรับที่พักอาศัยทั่วไป แต่ระบบไฟฟ้า 3 เฟส มีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และ 380-400 โวลต์ จึงเหมาะกับการใช้งานภายในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรขนาดใหญ่ ระบบคลังสินค้าที่ต้องทำความเย็น รวมถึงบริเวณที่มีการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

หากกำลังมองหาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อติดตั้งภายในโรงงาน ระบบอุตสาหกรรม หรือบ้านพัก เพื่อใช้งานคู่กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส Siam Generator มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เหมาะสำหรับโรงงาน หมู่บ้านจัดสรร หรืออาคารพาณิชย์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ป้องกันปัญหาไฟฟ้าติดขัด ไฟดับ ไฟตก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งใช้คู่กับระบบไฟฟ้า 3 เฟสก็ยิ่งทำให้อุ่นใจเรื่องไฟฟ้าขึ้นไปอีกขั้น

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor


แชร์บทความนี้