เลือกเครื่องปั่นไฟแบบไหน เพื่อใช้ในโรงงาน องค์กร และอุตสาหกรรม


เลือกเครื่องปั่นไฟแบบไหน เพื่อใช้ในโรงงาน องค์กร และอุตสาหกรรม

เครื่องปั่นไฟที่มีวางจำหน่ายโดยทั่วไปนั้นมีอยู่มากมายหลายประเภท และมีความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น แต่ละอุตสาหกรรมจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องปั่นไฟให้เหมาะสม โดยพิจารณาปัจจัย และความต้องการต่างๆ ที่จะต้องใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 


มาดูเคล็ดลับวิธีการเลือกเครื่องปั่นไฟ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกเครื่องปั่นไฟที่ตรงตามความต้องการ และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกันในบทความนี้

ทำความเข้าใจ เครื่องปั่นไฟ สำคัญอย่างไร

ทำความเข้าใจ เครื่องปั่นไฟ สำคัญอย่างไร

เครื่องปั่นไฟ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม หรือแม้กระทั่งฟาร์มที่ทำการเกษตร เนื่องจากจะทำหน้าที่ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งสามารถใช้ทดแทนในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือจะใช้เป็นไฟสำรองเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ทั้งจากไฟฟ้าดับ หรือไฟฟ้าขัดข้อง รวมไปถึงกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอจนทำให้การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ต้องหยุดชะงักได้ 

ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ

ข้อควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ

มาดูความรู้พื้นฐานที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟได้อย่างเหมาะสมกันก่อน โดยข้อควรคำนึงก่อนการเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟนั้นมีดังนี้

รู้จุดประสงค์ในการใช้งาน

การเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟนั้นควรรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าจะใช้งานกับสถานที่ไหน และใช้งานไปเพื่อจุดประสงค์อะไร เพราะแต่ละสถานที่อาจจะมีความต้องการกำลังไฟที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องปั่นไฟสำหรับโรงงาน ย่อมต้องใช้กับเครื่องจักรต่างๆ ในขณะที่การใช้เครื่องปั่นไฟกับโรงพยาบาลนั้น มักมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นระบบสำรองไฟในอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการแพทย์ เช่นเดียวกับการใช้เครื่องปั่นไฟในโรงแรมที่จำเป็นต้องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแขกที่มาเข้าพัก เป็นต้น 

เลือกให้เหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดย่อมมีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกัน โดยคุณควรตรวจสอบให้ละเอียดว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีขนาดกี่โวลต์ ดูว่ามีจำนวนทั้งหมดกี่เครื่อง จะมีการใช้งานพร้อมกันทุกเครื่องหรือไม่ นอกจากนี้ ควรดูลักษณะการจัดวางของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ว่าจัดวางห่าง หรือใกล้กันมากแค่ไหน เพื่อจะได้ช่วยเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีความยาวสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน

พิจารณาลักษณะมอเตอร์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไปสามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ไม่ต้องอาศัยมอเตอร์ และกลุ่มที่อาศัยมอเตอร์ในการทำงาน ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมอเตอร์ เช่น หลอดไฟ หรืออุปกรณ์ให้ความร้อนนั้นสามารถหาเครื่องปั่นไฟฟ้าที่ทำงานเข้ากันได้ค่อนข้างง่าย ในขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นต้องมีมอเตอร์อย่างพัดลม ปั๊มน้ำ หรือแอร์นั้นจะหาเครื่องปั่นไฟที่ทำงานเข้ากันได้ค่อนข้างยาก 

คำนวณจำนวนวัตต์โดยรวมจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า

การเลือกเครื่องปั่นไฟจำเป็นต้องเลือกเครื่องที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เพียงพอต่อการใช้งาน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องคำนวณจำนวนวัตต์โดยรวมที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าว เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้า 2,000 วัตต์จำนวน 4 เครื่องจะใช้ทั้งหมด 8,000 วัตต์ เมื่อคำนวณออกมาเป็นกิโลวัตต์จะได้ 8 กิโลวัตต์ เป็นต้น

หารุ่นที่มีค่าวัตต์ใกล้เคียงกับค่าที่เราคำนวณไว้

เลือกเครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องกำเนิดไฟที่เหมาะสมกับลักษณะทั้งหมดข้างต้น เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ แล้วก็ทำให้คุณสามารถเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีความเหมาะสม โดยควรเลือกค่าวัตต์ที่มากกว่าการคำนวณ เพราะจะได้มั่นใจว่าเครื่องปั่นไฟสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจต้องพิจารณาถึงงบประมาณ และค่าใช้จ่ายที่ตามมาด้วย

เลือกใช้เครื่องปั่นไฟอย่างไรให้เหมาะกับองค์กร และอุตสาหกรรม

เลือกใช้เครื่องปั่นไฟอย่างไรให้เหมาะกับองค์กร และอุตสาหกรรม

เครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้านั้นมีมากมายหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ต้องพิจารณาเลือกเครื่องปั่นไฟให้เข้ากับแต่ละอุตสาหกรรม มาดูกันว่าแต่ละอุตสาหกรรม หรือแต่ละองค์กรควรใช้เครื่องปั่นไฟประเภทไหนกันบ้าง

1. เลือกเครื่องปั่นไฟเพื่อใช้ในโรงงาน

โรงงานนั้นถือเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างมาก เนื่องจากเครื่องจักรที่มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิต และระบบไฟภายในโรงงานต่างก็ต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น พลังงานไฟฟ้าจะต้องอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าหากมีพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง ไฟลัดวงจร หรือไฟดับจนทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการผลิตต่างๆ ภายในโรงงานได้ ทำให้เครื่องปั่นไฟนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ทุกโรงงานจะต้องเตรียมเอาไว้ เพื่อช่วยผลิตไฟสำรองไว้ใช้ในกรณีเหตุฉุกเฉิน


เครื่องปั่นไฟที่เหมาะกับการใช้ในอุตสาหกรรมโรงงานคือเครื่องปั่นไฟชนิดกระแสสลับ โดยเครื่องปั่นไฟชนิดนี้ จะรับเอาพลังงานจากภายนอกมาเปลี่ยนให้เป็นกระแสไฟฟ้า ใช้หลักการแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำ โดยการให้ขดลวดตัวเหนี่ยวนำ และขดลวดสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดผ่านกัน เพื่อให้ได้กระแสไฟฟ้าขึ้นมา ซึ่งเครื่องปั่นไฟชนิดกระแสสลับก็ยังจะแบ่งออกได้เป็นแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส โดยเครื่องปั่นไฟชนิดกระแสสลับแบบ 3 เฟสนั้น มักจะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะสามารถผลิต และจ่ายกำลังไฟฟ้าได้มากกว่าแบบ 1 เฟสถึง 3 เท่า จึงช่วยให้มั่นใจว่าจะมีพลังงานไฟฟ้าเอาไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอ 


ขนาดของเครื่องปั่นไฟที่เหมาะสำหรับการใช้ในอุตสาหกรรมโรงงานคือแบบขนาดใหญ่ ที่จะต้องมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 50-100 KVA ขึ้นไปถึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อให้กระบวนการผลิตต่างๆ ภายในโรงงานนั้นสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด

2. เลือกเครื่องปั่นไฟเพื่อใช้ในโรงพยาบาล

โรงพยาบาล คือสถานที่ที่จำเป็นต้องมีไฟฟ้าเอาไว้ใช้อย่างเพียงพอ เพราะอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์นั้นล้วนมีความสำคัญต่อการรักษา และช่วยเหลือชีวิตคน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาทางทันตกรรม จิตเวช การปฐมพยาบาลต่างๆ การคลอดบุตร หรือการผ่าตัด เป็นต้น


การเลือกเครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับโรงพยาบาล จะต้องเลือกเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา โดยอิงจากมาตรฐานระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาล คือต้องเป็นเครื่องปั่นไฟที่ทำงานได้โดยที่ไม่ให้เกิดเสียงรบกวนต่อผู้ป่วย และผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังจะต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ดังนี้


  • เครื่องปั่นไฟจะต้องมีระดับสมรรถนะไม่ต่ำกว่าระดับ G2

  • เครื่องปั่นไฟต้องมีพิกัดกำลังไม่น้อยกว่าพิกัดกำลังพร้อมใช้งาน

  • เครื่องปั่นไฟที่ใช้จะต้องมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยติดตั้งคู่กัน และจะต้องเห็นได้ชัดเจนหากเครื่องปั่นไฟดังกล่าวนั้นทำงานขัดข้อง 

  • เครื่องปั่นไฟต้องมีแผงควบคุมการทำงานที่สามารถใช้งานได้ และป้องกันสิ่งผิดปกติ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน

3. เลือกเครื่องปั่นไฟเพื่อใช้ในโรงแรม

โรงแรมถือเป็นกิจการที่จะต้องรองรับการเข้าพักของแขกผู้มาเยือน จึงทำให้มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะมาจากระบบให้แสงสว่างอย่างไฟ หรือระบบปรับอากาศ เป็นต้น ซึ่งหากทางโรงแรมมีไฟใช้ไม่เพียงพออาจส่งผลเสียต่อการให้บริการได้ 


เครื่องปั่นไฟสำหรับใช้ในโรงแรมนั้นควรเป็นเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ 10 - 2000 KVA โดยเครื่องปั่นไฟขนาดดังกล่าวจะเรียกว่า Onsite Power Generator ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยจ่ายไฟสำรองในกรณีที่เกิดเหตุไฟดับ ไฟฟ้าขัดข้อง หรือไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งาน 

4. เลือกเครื่องปั่นไฟเพื่อใช้ในฟาร์ม

ในกลุ่มของเกษตรกรที่ทำฟาร์มต่างๆ ก็มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นไฟในฟาร์มด้วยเช่นกัน เพราะบางครั้งสถานที่ทำฟาร์มไฟฟ้าอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อระบบไฟ ระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบจัดการระดับแก๊ส ระบบการให้อาหาร หรือการให้น้ำ เป็นต้น ซึ่งระบบดังกล่าวนั้นถือเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการทำฟาร์มระบบปิด เพราะจะช่วยควบคุม และรักษาสิ่งแวดล้อมด้านในให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น 


การเลือกเครื่องปั่นไฟเอาไว้ใช้ในฟาร์มนั้น สามารถเลือกได้ทั้งขนาดเล็ก และขนาดกลาง ซึ่งเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กจะมีขนาดประมาณ 1-20 KVA ส่วนเครื่องปั่นไฟขนาดกลางจะอยู่ที่ประมาณ 20-50 KVA โดยการเลือกเครื่องปั่นไฟนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไฟฟ้าของระบบที่ถูกติดตั้งในฟาร์มด้วย

เครื่องปั่นไฟ กับสารพัดประโยชน์ที่ไม่มีไม่ได้แล้ว

เครื่องปั่นไฟ กับสารพัดประโยชน์ที่ไม่มีไม่ได้แล้ว

เครื่องปั่นไฟเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อองค์กร หรืออุตสาหกรรมต่างๆ เป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากไฟฟ้าขาดแคลน ก็จะทำให้กิจกรรมต่างๆ หยุดชะงักได้ หลายคนก็อาจจะกังวลว่าการลงทุนกับเครื่องปั่นไฟนั้นคุ้มค่าหรือไม่? บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลให้พิจารณาว่าเครื่องปั่นไฟนั้นมีประโยชน์ต่อองค์กร หรืออุตสาหกรรมอย่างไรบ้าง

เป็นระบบสำรองไฟ

เครื่องปั่นไฟผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานกล ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าในการผลิต ทำให้กลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อีกทั้งยังจะช่วยยืดเวลาปิด หรือเปิดของเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักร เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวอุปกรณ์น้อยที่สุด โดยหลายองค์กรนั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีระบบสำรองไฟอย่างเครื่องปั่นไฟเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน โรงพยาบาล หรือโรงแรม เมื่อเทียบมูลค่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว พบว่าการติดตั้งเครื่องปั่นไฟนั้นยังมีต้นทุนที่น้อยกว่าค่าเสียหายที่ต้องจ่ายอีก

มีไฟใช้ในตอนฉุกเฉิน

เหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดที่ทำให้ระบบไฟฟ้าจากส่วนกลางนั้นขัดข้อง อาจต้องรอการแก้ไขนาน ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อองค์กร เช่น โรงพยาบาลที่มีเครื่องมือช่วยชีวิต และช่วยรักษาทางการแพทย์จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า แต่ถ้าหากไม่สามารถใช้งานได้ก็จะส่งผลต่อการรักษาทันที หรือเครื่องจักรที่กำลังผลิตสินค้าให้กับโรงงาน ถ้าหากไฟฟ้าขัดข้องกะทันหันอาจทำให้กระบวนการผลิตเกิดการหยุดชะงัก และสร้างความเสียหายให้กับสินค้าที่กำลังผลิตได้ ดังนั้น การมีเครื่องปั่นไฟเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินช่วยลดความเสียหายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

นำไปใช้ได้ทุกที่

เครื่องปั่นไฟผลิตพลังงานไฟฟ้าได้โดยการเปลี่ยนพลังงานกลให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งใช้ทรัพยากรอย่างน้ำมัน น้ำ และลม เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าในการผลิตไฟฟ้าออกมา ทำให้สามารถนำออกไปใช้งานได้ทุกที่ โดยเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก และขนาดกลางนั้นมีรูปแบบที่พกพาได้สะดวก ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้กับสถานที่กลางแจ้งได้ ไม่ว่าจะเป็นไซต์งานก่อสร้าง หรืองานดนตรีที่จัดนอกสถานที่ อีกทั้งยังสามารถใช้ในการช่วยกระจายสัญญาณดาวเทียม หรือสัญญาณโทรศัพท์ได้ด้วยเช่นกัน  

เครื่องทำงานง่าย

เครื่องปั่นไฟใช้งานง่ายมาก โดยสามารถกดให้เครื่องเริ่มทำงานภายในระยะเวลาเพียง 10 ถึง 40 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถตั้งระบบอัตโนมัติให้เครื่องทำงานได้ตามรูปแบบที่กำหนดอีกด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ต้องการติดตั้งเครื่องปั่นไฟเอาไว้ใช้เป็นระบบสำรองไฟในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน หรือจะตั้งให้จ่ายเป็นกระแสไฟฟ้าหลักก็ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถทำการติดตั้งบนล้อลากได้อีกด้วย

ประหยัดพลังงาน

แม้ว่าเครื่องปั่นไฟจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวช่วยเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า แต่ก็สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยเช่นกัน เช่น พลังงานน้ำ ลม รวมไปถึงแบตเตอรี่ และแสงอาทิตย์ จะเห็นได้เลยว่า แหล่งพลังงานบางชนิดเป็นสิ่งที่มีให้ใช้อย่างไม่จำกัด และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงถือเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยประหยัดพลังงานได้ ระบบการทำงานของเครื่องปั่นไฟนั้นพยายามควบคุมความร้อนสะสมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้ลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ไม่จำเป็นลงได้ อีกทั้ง เมื่อเทียบกับการทำงานของมอเตอร์ระบบไฟฟ้าทั่วไปแล้ว จะพบว่ามอเตอร์ของเครื่องปั่นไฟนั้นสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า และลดความสิ้นเปลืองของทรัพยากรที่เป็นแหล่งพลังงานลงไปได้อีกด้วย 

มีราคาที่เหมาะสม

เครื่องปั่นไฟนั้นมีราคาที่ค่อนข้างจะเหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับประเภท และขนาดของเครื่องปั่นไฟแล้ว อีกทั้งยังมีหลายระดับราคาให้เลือกซื้อ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง หรือการบำรุงดูแลรักษาเพิ่มเติม จึงถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์สำรองไฟที่ราคาเป็นมิตร จับต้องได้ และที่สำคัญ ในปัจจุบันนี้ยังมีเครื่องปั่นไฟวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ อีกมากมาย ทำให้การเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟนั้นสามารถทำได้อย่างสะดวก และคุณยังสามารถเปรียบเทียบราคา รวมไปถึงคุณสมบัติของเครื่องปั่นไฟแต่ละรุ่นจนกว่าจะเจอเครื่องปั่นไฟที่คุณต้องการได้อีกด้วย ดังนั้น เมื่อเทียบต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องปั่นไฟ กับประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการใช้งานเครื่องปั่นไฟ จะเห็นได้เลยว่า เครื่องปั่นไฟคือการลงทุนที่มีความคุ้มค่ามากๆ 

สรุป

เครื่องปั่นไฟนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานที่ที่ต้องการใช้งาน ควรดูว่าสถานที่นั้นๆ เป็นอุตสาหกรรม หรือองค์กรแบบใด เพราะการใช้เครื่องปั่นไฟสำหรับสถานที่อย่างโรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม หรือฟาร์ม ย่อมใช้ขนาดเครื่องปั่นไฟที่แตกต่างกัน อาจมีคุณสมบัติ และลักษณะการทำงานที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย 


หากคุณยังคิดไม่ออกว่าจะเลือกใช้เครื่องปั่นไฟแบบไหนดี ทาง  Siam Generator ก็พร้อมจะดูแลให้คำแนะนำและคำปรึกษา เพื่อช่วยให้คุณเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด เพราะมีประสบการณ์ในการให้บริการติดตั้ง และจำหน่ายเครื่องปั่นไฟมานานหลายปี โดยมีเครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลากหลายขนาด และหลายรูปแบบ มีคุณภาพ เพราะมาจากแบรนด์ชั้นนำของต่างประเทศ อีกทั้งยังมีฐานโรงงานประกอบ และผลิตเครื่องปั่นไฟตามความต้องการของลูกค้า การันตีตามมาตรฐานสากล  ISO 9001, ISO 14001 และ OHSAS 18001  ให้ได้เชื่อมั่นในความปลอดภัย และคุณภาพ พร้อมรับประกันเครื่องปั่นไฟทุกเครื่องให้กับลูกค้า และดูแลลูกค้าครบทุกขั้นตอนไปจนถึงบริการหลังการขายด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากต้องการซื้อเครื่องปั่นไฟก็ลองให้ Siam Generator เป็นผู้ช่วยของคุณได้เสมอ 

Powered by Froala Editor


แชร์บทความนี้